6 JAPANESE SERIES WORTH WATCHING, FULL OF FUN, YEAR 2024

6 Japanese series worth watching, full of fun, year 2024

6 Japanese series worth watching, full of fun, year 2024

Blog Article

6 ซีรีย์ญี่ปุ่นน่าดู สนุกครบรส ปี 2024



สารบัญ



1. บทนำ
2. First Love
3. The Days วันวิบัติ
4. Ossan’s Love รักครั้งใหม่หัวใจจะวาย
5. Brush Up Life ชีวิตใหม่ (2023)
6. Why Didn't I Tell You a Million Times?
7. Love You as the World Ends รักเธอตราบวันสิ้นโลก (2021)
8. สรุป

9. คำถามที่พบบ่อย

1. บทนำ



ในโลกปัจจุบันที่ความบันเทิงสามารถเข้าถึงได้จากทุกมุมโลก, การดูซีรีย์ญี่ปุ่นได้กลายเป็นกิจกรรมยอดนิยมสำหรับผู้คนหลากหลายวัยและวัฒนธรรม ความนิยมนี้ไม่ได้มาจากโชคช่วยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลมาจากการผสมผสานระหว่างเรื่องราวที่เข้มข้น ตัวละครที่มีมิติ และการนำเสนอที่สามารถสะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ผู้ชมจากทั่วทุกมุมโลกหลงใหล ซีรีย์ญี่ปุ่นไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิง แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้สำรวจวัฒนธรรม, ปรัชญา, และมุมมองชีวิตที่แตกต่าง จากเรื่องราวความรักที่เรียบง่ายไปจนถึงแนวคิดที่ซับซ้อนเกี่ยวกับสังคมและมนุษยชาติ, ซีรีย์ญี่ปุ่นมีทุกอย่างที่จะทำให้ผู้ชมต้องคิด, รู้สึก, และบางครั้งก็เปลี่ยนแปลง การดูซีรีย์ญี่ปุ่นไม่เพียงแต่เป็นการเดินทางไปยังโลกอีกด้านหนึ่งของโลกจากห้องนั่งเล่นของตนเอง แต่ยังเป็นการเดินทางภายในสู่การค้นพบตนเองและการเรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นมนุษย์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความสามารถในการผสานระหว่างวัฒนธรรมท้องถิ่นกับธีมสากลได้อย่างลงตัวทำให้ซีรีย์ญี่ปุ่นไม่เพียงแค่เป็นที่ชื่นชอบในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมในระดับสากล ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้การดูซีรีย์ญี่ปุ่นไม่เพียงแค่เป็นกิจกรรมยามว่าง แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่สามารถเปลี่ยนแปลี่ยนมุมมองและเปิดโลกใหม่ให้กับผู้ชม แต่ละเรื่องนำเสนอองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป, ตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่นไปจนถึงประเพณีและเทศกาลต่างๆ ผู้ชมจึงได้รับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับญี่ปุ่นมากขึ้นผ่านการดูซีรีย์เหล่านี้

6 Japanese series worth watching, full of fun, year 2024

2. First Love



แนวซีรีย์ : โรแมนติก, ดราม่า
นักแสดง : Taisei Kido, Hikari Mitsushima, Takeru Satoh, Rikako Yagi
ความยาว : 9 ตอน
ดูได้ที่ : Netflix

เรื่องย่อ


"First Love" เป็นการ ดูซีรีย์ญี่ปุ่นที่ดำเนินเรื่องราวเกี่ยวกับความรักครั้งแรกที่เต็มไปด้วยความหวานและความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือน ภายใต้บรรยากาศของยุค 90 ซีรีย์นี้เล่าถึงชีวิตของยูจิ และอากิ ซึ่งทั้งคู่พบรักกันตั้งแต่วัยเรียน แต่เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ พวกเขาต้องแยกจากกันไป หลังจากนั้นหลายปี ชีวิตและเส้นทางของพวกเขาได้พาให้กลับมาพบกันอีกครั้ง แต่คราวนี้พวกเขาต่างก็มีชีวิตและความรับผิดชอบที่แตกต่างกันไปแล้ว การดูซีรีย์ญี่ปุ่นอย่าง "First Love" เป็นการย้อนกลับไปยังความรู้สึกแรกเริ่มที่งดงาม พร้อมกับการเติบโตและการเรียนรู้ที่มาพร้อมกับความรัก ซีรีย์นี้ไม่เพียงแต่เน้นย้ำถึงความหวานของความรักครั้งแรกเท่านั้น แต่ยังสำรวจความซับซ้อนของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง รวมถึงการพบกันอีกครั้งที่เต็มไปด้วยความหวังและความท้าทาย

ท่ามกลางฉากหลังของสังคมญี่ปุ่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา การเดินทางของยูจิและอากิในการค้นหาความหมายของความรักและความสัมพันธ์ในชีวิตของพวกเขานำเสนอการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับความรักและการให้อภัย ผ่านเรื่องราวที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ซีรีย์เรื่องนี้จึงเป็นการเล่าเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความทรงจำ การยอมรับ และการเติบโตร่วมกันผู้ที่ชื่นชอบการดูซีรีย์ญี่ปุ่นจะพบว่า "First Love" เป็นเรื่องราวที่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของความรักและความคิดถึงยุควัยรุ่นที่หายไปกับเวลา มันไม่เพียงแค่เล่าเรื่องของความรักที่หวานชื่นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเผชิญหน้ากับความท้าทายในชีวิตจริง การเรียนรู้ที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลง และการมองหาความหมายที่แท้จริงของการเป็น "เรา" ในโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
การดูซีรีย์ญี่ปุ่นเช่น "First Love" ช่วยให้ผู้ชมได้ฉายภาพถึงความรู้สึกที่เคยมีต่อความรักครั้งแรก ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของการมีใครสักคนที่สามารถปลุกความรู้สึกนั้นขึ้นมาได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไร สิ่งที่ทำให้ซีรีย์เรื่องนี้โดดเด่นไม่ใช่แค่เรื่องราวของความรักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านตัวละครที่มีชีวิตชีวาและการเล่าเรื่องที่ตรงไปตรงมาแต่ลึกซึ้ง
สำหรับผู้ที่มองหาซีรีย์ที่มีความหมายและสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์หลากหลายของความรัก การตัดสินใจดูซีรีย์ญี่ปุ่น "First Love" อาจเป็นการเดินทางย้อนกลับไปสู่ความรู้สึกที่เราทุกคนเคยประสบ และเป็นการเตือนใจว่าความรักครั้งแรกนั้นมีความหมายและมีผลต่อเรามากเพียงใด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด

3. The Days วันวิบัติ



แนวซีรีย์ : ภัยพิบัติ, สะเทือนขวัญ
นักแสดง : Koji Yakusho, Yutaka Takenouchi, Fumiyo Kohinata
ความยาว : 8 ตอน
ดูได้ที่ : Netflix

เรื่องย่อ


ใครชอบแนวบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เชิญทางนี้กับ วันวิบัติ The Days ซีรีย์ญี่ปุ่น 8 ตอนทาง Netflix ที่บอกเล่าเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นที่เมืองฟุกุชิมะในเดือนมีนาคม 2011 แผ่นดินไหวและสึนามิ ทำให้ระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิหยุดทำงาน จนต้องเฝ้าระวังการรั่วไหลและการระเบิดของกัมมันตรังสี เป็นเหตุให้ต้องอพยพประชากรหลายแสนคน

ซีรีย์ The Days วันวิบัติ สร้างจากเหตุการณ์จริงตามคำให้การของมาซาโอะ โยชิดะ ผู้จัดการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิในขณะนั้น, รายงานการวิเคราะห์อุบัติเหตุนิวเคลียร์ที่ฟุกุชิมะของเทปโก และบทสัมภาษณ์ผู้ที่รับมือกับเหตุการณ์นี้ 90 คนโดยนักข่าว คาโดตะ ริวโช บอกเล่าเรื่องราวภัยพิบัติเป็นเวลา 7 วัน เริ่มจากวันที่ 11 มีนาคม ปี 2011 ที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ (แผ่นดินไหว โทโฮกุ 9.0 ริกเตอร์) นอกชายฝั่งญี่ปุ่น ก่อให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายครั้ง และที่น่ากลัวที่สุดคือสึนามิลูกใหญ่ที่ถาโถมชายฝั่ง บริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ พนักงานผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ผู้จัดการโรงไฟฟ้า ผู้อำนายการบริษัทเทปโก นายกรัฐมนตรี และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ เข้ามาช่วยกันจัดการวิกฤตครั้งนี้ พวกเขาต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ไปติดตามกันต่อได้ทาง Netflix

พล็อตเล่าเหตุการณ์จริงจากมุมมอง ดูซีรี่ย์ของพนักงานเทปโก (Tokyo Electric Power Company), พนักงานโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ และเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างนายกรัฐมนตรี เป็นต้น โดยผู้ดำเนินเรื่องคือ มาซาโอะ โยชิดะ (โคจิ ยาคุโช) ผู้จัดการโรงไฟฟ้าในตอนนั้น เป็นผู้ดูภาพรวมและสั่งการทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของพนักงานและประชาชนชาวญี่ปุ่น เรื่องนี้ตัวละครค่อนข้างเยอะ แต่เมื่อดูไปเรื่อยๆ ก็จะเริ่มเข้าใจบทบาทของแต่ละตัวละครในการรับมือกับวิกฤติครั้งนี้ เห็นถึงความเสียสละที่พวกเขายอมทุ่มเทเพื่อประชาชนเมืองฟุกุชิมะ และประเทศญี่ปุ่น ปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงไฟฟ้าแห่งนี้ คือหลังจากเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิอย่างรุนแรง ทำให้เกิดไฟดับจนไม่สามารถควบคุมระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์ได้ มีความเสี่ยงที่จะเกิดการระเบิดอย่างเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิวที่ยูเครน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้พลิกคู่มือทุกหน้าก็ไม่เจอกับวิธีการรับมือ เพราะไม่เคยมีใครต้องเผชิญกับเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน ดังนั้นการรับมือจึงต้องด้นสดล้วนๆ ซีรีย์เล่าออกมาได้ละเอียดมาก ทั้งการพยายามเปิดวาล์วระบายกัมมันตรังสีเพื่อลดความดันของตัวปฏิกรณ์ หรือแม้แต่การฉีดน้ำล่อเลี้ยงความเย็น เพื่อยับยั้งการระเบิด ที่เมื่อน้ำจืดหมดพวกเขาต้องใช้น้ำทะเล ทุกก้าวเดินที่พวกเขาทำเพื่อควบคุมวิกฤต ก็จะมีวิกฤตใหม่เกิดขึ้นเสมอ

4. Ossan’s Love รักครั้งใหม่หัวใจจะวาย



แนวซีรีย์ : คอมเมดี้
นักแสดง : Tanaka Kei, Hayashi Kento, Yoshida Kotaro
ความยาว : 9 ตอน
ดูได้ที่ : Prime Video

เรื่องย่อ


ฮารุตะ โซอิจิ (Kei Tanaka) นายหน้าหาบ้าน ได้สงสัยบางอย่างเกี่ยวกับหัวหน้าที่ทำงาน คุโรซาว่า มุซาชิ(Yoshida Koutaro) โดยเขาคิดว่าหัวหน้าต้องมีลับลมคมในอะไรปิดบังเขา ด้วยความสงสัยวันหนึ่งเขาได้แอบเข้าไปในห้องทำงานของหัวหน้า และพบว่าในห้องของหัวหน้านั้น มีรูปวาดของตัวเขาเองเต็มไปหมด สิ่งที่เขาสงสัยได้รับความกระจ่างเมื่อหัวหน้าเดินมาสารภาพรักกับเขา แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น เมื่อเพื่อนร่วมงานของเขา มากิ เรียวตะ(Hayashi Kento) ก็ดันมาสารภาพรักกับเขาอีกเช่นกัน ฮารุตะ โซอิจิกลายเป็นหนุ่มเนื้อหอม ที่มีแต่ชายหนุ่มมาล้อมรัก ทั้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานต่างก็เข้ามาแย่งชิงเขาเพื่อให้ได้เป็นคนรักหนึ่งเดียวของเขานั่นเอง ใครจะได้เป็นคนที่ครอบครองหัวใจของ ฮารุตะ โซอิจิกันนะ

Ossan’s Love รักครั้งใหม่หัวใจจะวาย ถือได้ว่าเป็นซีรีย์ชายรักชายที่ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนักในวงการบันเทิงญี่ปุ่น มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรักกุ๊กกิ๊กสามเส้าระหว่างหัวหน้าชายมีอายุที่แอบหลงรักพระเอก และอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นรูมเมทหรือเพื่อนร่วมงานของพระเอก ซึ่งจากชื่อเรื่องนั้นหมายถึง ความรักของคุณลุง คุณลุงในเรื่องนี้ก็คือหัวหน้าของพระเอกที่มีภรรยา(ภรรยาที่เป็นผู้หญิง)อยู่แล้ว แต่จู่ๆคุณลุงหัวหน้าก็พบกับคนที่ทำให้หัวใจพองโตอีกครั้งดั่งวัยแรกรุ่นนั่นก็คือฮารุตะ(พระเอก) คุณลุงพยายามเก็บอาการที่แอบชอบพระเอกมาตลอดเพราะไม่อยากให้ใครรู้แม้แต่คนในบริษัท ในระหว่างนั้นก็มีอุปสรรคมากมายขัดขวางคุณลุง ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องภรรยา เรื่องคนรอบข้าง แต่ก็ทนเสียงหัวใจเรียกร้องไม่ไหวจึงสารภาพรักออกไป เมื่อดูซีรีย์เรื่องนี้จบทำให้มีมุมมองเกี่ยวกับความรักเดิมๆนั้นเปลี่ยนไป ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ เพศอะไร คุณก็สามารถมีความรักได้และยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มรักใครสักคน แค่คุณกล้าที่จะรัก

5. Brush Up Life ชีวิตใหม่ (2023)



แนวซีรีย์ : คอมเมดี้
นักแสดง : Sakura Ando, Bakarhythm, Haruka Kinami
ความยาว : 10 ตอน
ดูได้ที่ : Nihon TV

เรื่องย่อ


อาซามิ คนโดะ (ซากุระ อันโดะ) หญิงสาวชนชั้นกลางทั่วไปทำงานที่ศาลาว่าการเมืองที่แต่ละวันต้องเจอกับคนกับงานจนต้องมานั่งเม้ามอยกันกับเพื่อนร่วมงานเพื่อระบาย อาซามิมีเพื่อนสนิทตัวติดกันสองคนคือนัตสึกิ (คาโฮ) กับมิโฮ (ฮารุกะ คินามิ) ที่มักจะนัดรวมตัวกันตามประสาเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยประถมที่ยังรักกัน จนมาวันหนึ่งอาซามิถูกรถชนเสียชีวิตแล้วเธอต้องพบกับพนักงานต้อนรับในโลกหลังความตายเพื่อพบว่าหลังความตายมีทางเลือกสองทาง หนึ่งคือการไปเกิดใหม่ที่อาซามิจะต้องไปเกิดเป็นตัวกินมดยักษ์ซึ่งเธอรับไม่ได้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมันดันขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตที่ผ่านมาของเธอ แต่ทางเลือกที่สองคือการเลือกกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งแต่ยังมีความทรงจำเดิมที่เรียกว่า Reboot เพื่อที่จะใช้ชีวิตให้ดีขึ้นและได้ไปเกิดใหม่เป็นมนุษย์ อาซามิจึงเลือกทางนี้เพื่อมาสะสมแต้มบุญในความคิดของเธอแล้วเธอก็ทำแบบนั้นโดยที่พยายามแก้ไขอดีตที่ผิดพลาดของคนรอบข้างแต่เมื่อตายอีกครั้งก็ยังไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์อยู่ดีเธอจึงเลือก Reboot อีกหลายครั้งแต่ทำยังไงจะได้เกิดใหม่เป็นมนุษย์

โดยปกติแล้วซีรีย์ญี่ปุ่นประมาณนี้มักจะเล่าจบเป็นตอนๆในต่างสถานการณ์แต่เรื่องนี้กลับเลือกเล่าเป็นช่วงการใช้ชีวิตกับการ Reboot ชีวิตในแต่ละรอบที่อาจกินเวลาหลายตอนในหนึ่งชีวิต และสิ่งที่น่าทึ่งคือการเล่าเรื่องชีวิตของคนคนเดียวตั้งแต่เริ่มต้นคือเริ่มตั้งแต่เกิดจนตายอีกครั้งหลายๆครั้งที่เหมือนเป็นการเล่าเรื่องเดียวซ้ำๆ กระนั้นความฉลาดเล่าคือการให้ตัวละครมีความทรงจำเดิมที่สะสมขึ้นเรื่อยๆตามรอบของการ Reboot ที่จะต้องเจอเหตุการณ์เดียวกันในชีวิตที่ต่างกันเพราะเลือกเปลี่ยนทางชีวิต และนั่นนำมาซึ่งความพลิกผันที่อาจเรียกได้ว่าหักมุมเล็กๆไปเรื่อยๆตลอดทางเพราะต่อให้เล่าเรื่องเดียวกันเหตุการณ์เดียวกันแต่ผลของมันกลับต่างกันไปทำให้ออกมาสุก ต่อมาเมื่อวางเป้าหมายคือการกลับมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์สิ่งที่ต้องติดตามและลุ้นว่าอาซามิจะตายเมื่อไหร่แบบไหนและเธอจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษยหรือไม่และที่ผ่านมาเธอพลาดตรงไหนก่อนที่ท้ายสุดจะเฉลยเอง

ความหมายของการมีชีวิตและมิตรภาพถูกเล่าผ่านการตั้งคำถามว่าถ้ามีโอกาสเราจะกลับไปแก้ไขชีวิตในส่วนไหน เพราะแก่นของเรื่องคือเรื่องของโอกาสที่จะไปแก้ไขชีวิตของตัวเองหรือแก้ไขเพื่อคนอื่นการกระทำใดหลังจาก Reboot จะมีผลกระทบกลับมาแต่นั่นเป็นผลกระทบต่อใครมากกว่า แล้วตั้งคำถามว่าถ้าเราสามารถกลับมาเริ่มต้นใหม่อย่างในเรื่องเราจะกลับไปแก้ไขสิ่งใดในช่วงเวลาไหนในชีวิตและแก้มันเพื่อใครเพื่อเราเองหรือเพื่อคนอื่น ทั้งนี้ตลอดเวลาตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องนี้อบอวลไปด้วยมิตรภาพที่แน่นแฟ้นที่สามารถบอกได้ว่าเพื่อนแท้อาจมีได้แค่ไม่กี่คนแต่เพื่อนแท้มีมิติเชิงลึกที่บอกได้ว่าปริมาณไม่สำคัญเท่ากับคุณภาพของความเป็นเพื่อนที่สามารถเฒ่าชราไปด้วยกันได้ ทั้งยังเล่าบนพื้นฐานของบริบททางสังคมญี่ปุ่นปัจจุบันที่คนหนุ่มสาวเริ่มครองตัวเป็นโสดมากขึ้นผ่านก๊วนเพื่อนสาวที่ต่อให้ไม่แต่งงานแต่การมีเพื่อนแท้ก็สามารถแทนได้ที่เป็นความแหลมคม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เรื่องเหนือจริงเหมือนเป็นเรื่องจริงเพราะเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องพื้นฐานในชีวิตที่ทุกคนจะตั้งคำถามชีวิตแบบนี้

6. Why Didn't I Tell You a Million Times?



แนวซีรีย์ : ดราม่า, โรแมนติก, สืนสวน
นักแสดง : Mao Inoue, Takeru Satoh, Ken'ichi Matsuyama, Shim Eun-kyung
ความยาว : 10 ตอน
ดูได้ที่ : Netflix

เรื่องย่อ


เรื่องเปิดมาที่โซมะ ยูอิ (มาโอะ อิโนอุเอะ) กำลังรอคอยการกลับมาของโทริโนะ นาโอกิ (ทาเครุ ซาโตะ) แฟนหนุ่มแต่เมื่อเขากลับมาก็เหมือนกับยูอิคุยอยู่คนเดียวเหมือนเขาเป็นอากาศ แล้วเรื่องก็เฉลยว่านาโอกิที่คนดูเห็นคือวิญญาณที่ยูอิไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนมีชะตากรรมอย่างไรและอยู่หรือตายไปแล้ว กระทั่งยูอิไปแจ้งความคนหายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซูซุรุ อุโอสึมิ (เคนอิจิ มัตสึยามะ) แต่เจ้าหน้าที่อุโอสึมิกลับบอกว่าเธอถูกทิ้ง กระทั่งเมื่อเจ้าหน้าที่อุโอสึมิมองเห็นวิญญาณของนาโอกิเพราะครอบครัวของเขามีความสามารถพิเศษที่มองเห็นผี เมื่อเป็นเช่นนั้นนาโอกิจึงขอให้อุโอสึมิเป็นสื่อกลางในการสื่อสารกับยูอิเพราะนาโอกิมีอะไรมากมายที่ยังค้างคาใจจนไม่อาจเดินทางไปปรโลก ในขณะเดียวกันอุโอสึมิก็ได้ทำคดีฆาตกรรมที่หนึ่งในผู้ต้องสงสัยคือนาโอกิและคนที่ตายก็เกี่ยวพันกับอดีตของทั้งนาโอกิกับยูอิที่เมื่อตอนอยู่มัธยมต้นพวกเขาอยู่บ้านอุปถัมภ์เดียวกันก่อนที่จะจากกันจนมาพบกันหลังจากยี่สิบปีผ่านไป แล้วใครที่เป็นฆาตกรนาโอกิตายหรือยังแล้วใครเป็นคนฆ่าและอะไรที่นาโอกิอยากบอกกับยูอิเพื่อหลุดพ้นและปล่อยวาง

เล่าเรื่องแบบญี่ปุ่นแท้ไม่มีอะไรเจือปนจนเข้าใจได้ว่าบางครั้งไม่ต้องเร้าใจมากมายก็มีแรงดึงดูดได้ เพราะงานญี่ปุ่นแท้ๆจะเล่าเรื่องเรียบเรื่อยแล้วปล่อยให้คนดูเก็บเกี่ยวภาพที่เห็นมาประกอบเป็นความรู้สึกผ่านภาพสวยเพลงเพราะหรือบางครั้งก็นิ่งสงบและเงียบงันซึ่งเรื่องนี้เป็นแบบนั้นเต็มที่ แต่เสน่ห์ของความเรียบของญี่ปุ่นก็ยังมีคือการไม่พยายามขยี้ในทุกเรื่องทำให้ไม่เห็นว่าจงใจบีบทั้งที่ถ้าจะบีบคั้นก็มีช่องมากมาย สิ่งที่ตามมาคือเรื่องออกมาไม่ฟูมฟายทั้งที่เล่าเรื่องของความตายและการจากลาที่มาก่อนเวลาอันควรกับคู่รักที่กำลังรักกันดื่มด่ำ บทยังทำได้ดีในการสร้างคำถามในใจคนดูมากมายเกี่ยวกับความรักความตายและการจากลาโดยใช้ความลึกลับของคดีฆาตกรรมมาบังหน้า อีกสิ่งที่ช่วยให้เรื่องมีพลังดึงดูดชนิดเอาอยู่คือการเล่าเรื่องของวิญญาณให้ออกมาในโทนเบาๆที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อของชาวตะวันออกอย่างเราๆที่ว่าด้วยเรื่องของการหลุดพ้นและการปล่อยวาง ทำให้เรื่องที่เล่าออกมาเหนือจินตนาการ

7. Love You as the World Ends รักเธอตราบวันสิ้นโลก (2021)


แนวซีรีย์ : ดราม่า, ลึกลับ, แอคชั่น
นักแสดง : Ryoma Takeuchi, Ayami Nakajô, Kim Jae-hyun, Shô Kasamatsu
จำนวนตอน : 16 ตอน
ดูได้ที่ : Netflix

เรื่องย่อ


"Love You as the World Ends" รักเธอตราบวันสิ้นโลก (2021) เป็นซีรีย์ญี่ปุ่นที่นำเสนอเรื่องราวในช่วงเวลาท้ายสุดของโลก เมื่อการระบาดของไวรัสลึกลับได้เปลี่ยนมนุษย์ส่วนใหญ่ให้กลายเป็นซอมบี้ ในห้วงความหายนะนี้ เรื่องราวโฟกัสไปที่หิราโนะ ชายหนุ่มที่ทำงานในบริษัทโฆษณาในโตเกียว ที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับอะไรมากนักนอกจากอาชีพของเขา เมื่อเขาเดินทางไปเยี่ยมญาติในเมืองนอกเมื่อไวรัสระบาด เขาพบว่าตัวเองติดอยู่ในภาวะวิกฤติสุดขีดเขาได้พบกับมิโกะ หญิงสาวที่กล้าหาญและมีความสามารถในการรอดชีวิต แม้ว่าทั้งคู่จะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่สถานการณ์สุดขั้วได้ผลักดันให้พวกเขาต้องทำงานร่วมกันเพื่อเอาชีวิตรอด ระหว่างการเดินทางผ่านเมืองที่ถูกทิ้งร้างและอันตรายเต็มไปด้วยซอมบี้ ทั้งคู่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง พวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับความเข้มแข็ง ความหวัง และความรักท่ามกลางโลกที่พังทลายเรื่องราวของพวกเขาไม่เพียงแต่ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยคุกคามของซอมบี้เท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายทางอารมณ์และความสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน พวกเขาได้ค้นพบความหมายที่แท้จริงของการอยู่รอด ไม่ใช่แค่การหลีกเลี่ยงการถูกทำลายล้างทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรักษาความเป็นมนุษย์และความสามารถในการรักในขณะที่โลกดูเหมือนจะสิ้นสุดลง สิ่งที่ท้าทายมากที่สุดสำหรับพวกเขาคือการรักษาความหวังและความเชื่อในความดีของมนุษยชาติ เมื่อทุกอย่างรอบตัวพวกเขาดูเหมือนจะพังทลายและความมืดมิดครอบงำ ความรักที่พวกเขามีต่อกันไม่เพียงแต่ให้กำลังใจพวกเขาในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่ยังเป็นแสงสว่างที่นำทางพวกเขาผ่านความมืดมิด"Love You as the World Ends" ไม่เพียงพาผู้ชมไปสู่การผจญภัยที่ตึงเครียดและน่าตื่นเต้นเท่านั้น แต่ยังสำรวจคำถามลึกๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้ชีวิตคุ้มค่าที่จะอยู่ต่อไป แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนไม่มีทางรอด ผ่านตัวละครที่แตกต่างแต่เชื่อมโยงกันด้วยความรักและความต้องการที่จะปกป้องกันและกัน ซีรีย์นี้เป็นการเตือนใจว่าแม้ในยามที่โลกดูเหมือนจะสิ้นสุด แต่ความรัก ความหวัง และมนุษยชาติยังคงเป็นสิ่งที่เราควรต่อสู้เพื่อรักษาไว้ด้วยการเล่าเรื่องที่ตึงเครียดและการสร้างตัวละครที่มีมิติ "Love You as the World Ends" กลายเป็นมากกว่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ แต่เป็นการสำรวจถึงความสามารถของมนุษย์ในการเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ไม่อาจคาดเดาได้ด้วยความรักและความหวัง การดูซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องนี้ช่วยย้ำเตือนว่าในขณะที่โลกอาจเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งที่ยั่งยืนและมีค่าที่สุดคือความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกันและต่อตัวเราเอง

8. สรุป



ในยุคที่วัฒนธรรมป๊อปข้ามประเทศได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง, การดูซีรีย์ญี่ปุ่นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมยามว่างที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ ความเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งของเรื่องราว, การนำเสนอที่เอกลักษณ์, และการสะท้อนภาพวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านตัวละครและพล็อตเรื่องที่หลากหลายทำให้การดูซีรีย์ญี่ปุ่นไม่เพียงแค่เป็นการเพลิดเพลินกับการบริโภคเนื้อหาจากต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่การเรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่าง ผ่านแง่มุมที่หลากหลายของซีรีย์เหล่านี้ ผู้ชมได้รับโอกาสในการสำรวจเรื่องราวที่ตระหนักถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์มนุษย์, ความตึงเครียดทางสังคม, และการต่อสู้ภายในจิตใจของตัวละครที่มีชีวิตชีวาความสามารถของซีรีย์ญี่ปุ่นในการดึงดูดผู้ชมทั่วโลกนั้นยังมาจากการผสานระหว่างองค์ประกอบทางวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมกับประเด็นสากลที่เกี่ยวข้องกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นความรัก, ครอบครัว, หรือการแสวงหาความหมายของชีวิต การสร้างซีรีย์ที่มีคุณภาพสูงทั้งในด้านการเล่าเรื่องและการผลิต รวมถึงการนำเสนอที่สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครและเรื่องราวได้ ทำให้การดูซีรีย์ญี่ปุ่นเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและมีความหมาย แต่ยังมาจากความสามารถในการสร้างสะพานทางวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นกับโลกภายนอก การดูซีรีย์ญี่ปุ่นไม่เพียงแต่เป็นการสนุกสนานกับการบริโภคเนื้อหา แต่ยังเป็นการศึกษา การค้นพบและการเข้าใจวัฒนธรรมและมุมมองชีวิตที่แตกต่าง ผ่านเรื่องราวที่ถูกเล่า ผู้ชมจึงไม่เพียงแค่ได้รับความเพลิดเพลิน แต่ยังได้รับความรู้และการเปิดมุมมองใหม่ๆ ต่อโลก

9. คำถามที่พบบ่อย



Q: ทำไมซีรีย์ญี่ปุ่นถึงมีจำนวนตอนไม่มาก?


A: ซีรีย์ญี่ปุ่นมักมีการผลิตให้มีจำนวนตอนที่จำกัด เพื่อรักษาคุณภาพของการเล่าเรื่องและการพัฒนาตัวละคร การมีตอนที่ไม่มากช่วยให้เรื่องราวมีโครงสร้างที่แน่นและสามารถจบลงได้อย่างมีความหมาย

Q: ฉันควรเริ่มดูซีรีย์ญี่ปุ่นจากเรื่องไหนดี?


A: การเริ่มต้นดูซีรีย์ญี่ปุ่นควรขึ้นอยู่กับความสนใจของคุณ หากคุณชอบเรื่องราวโรแมนติก คุณอาจเริ่มจาก "Nodame Cantabile" หรือ "From 5 to 9" สำหรับผู้ที่ชอบเรื่องราวสืบสวน ลอง "Galileo" หรือ "Unnatural" และหากคุณสนใจในเรื่องราวที่มีความเป็นมนุษย์และแสดงออกถึงชีวิตประจำวัน คุณอาจชอบ "Midnight Diner"

Q: ทำไมซีรีย์ญี่ปุ่นบางเรื่องถึงได้รับความนิยมสูงในต่างประเทศ?


A: ซีรีย์ญี่ปุ่นบางเรื่องได้รับความนิยมสูงในต่างประเทศเนื่องจากการเล่าเรื่องที่มีความลึก ตัวละครที่มีมิติ และการนำเสนอที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ เรื่องราวที่สามารถสะท้อนถึงประสบการณ์มนุษย์สากล ช่วยให้ผู้ชมจากวัฒนธรรมอื่นสามารถเชื่อมโยงและรู้สึกผูกพันกับเรื่องราวและตัวละครได้

กลับด้านบน

Report this page